วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีอัปเกรดไปเป็น Windows 10

หากคุณได้อ่านบทความนี้ แสดงว่า Windows 10 นั้นพร้อมอัปเกรดแล้วในวันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2558 เวลา 11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งผู้ใช้งาน Windows 7, Windows 8 และ Windows 8.1 สามารถอัปเกรดได้ฟรี



วิธีอัปเกรดไปเป็น Windows 10

ระยะเวลาปล่อยฟรีอัปเกรดคือ 1 ปี (นับจากวันที่ปล่อย) หากเลยไปหลังจากนี้อาจจำเป็นต้อง “ซื้อ” ซึ่งถ้าหากเครื่องคุณได้ลงทะเบียนอัปเกรดไปแล้ว จะสังเกตเห็นได้จากสัญลักษณ์ Windows ตามภาพด้านล่าง เพียงแค่กรอก E-Mail ลงในช่องด้านล่างจากนั้นตรวจสอบคุณสมบัติแล้วก็ … รอ


สำหรับใครที่ไม่เห็นสัญลักษณ์ Windows ตามภาพด้านบน อาจเป็นไปได้ว่าคุณยังไม่ได้อัปเดตไปเป็น Windows 7 Service Pack 1 (ดังนั้นกด Windows Update ไปซะ) หรือหากเป็น Windows 8 จำเป็นต้องกดอัปเดตให้เป็น Windows 8.1 ก่อนผ่านทาง Store (ฟรี) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเครื่องของคุณก็ต้องมีสเปคขั้นต่ำดังนี้
     
Processor: 1GHz
RAM: 1GB for 32-bit or 2GB for 64-bit
Storage: 16GB for 32-bit or 20GB for 64-bit
Graphics support: DirectX 9 or later with WDDM 1.0 driver
Display: 800 x 600 resolution
สำหรับใครที่กำลังจะมองหาเครื่องใหม่ จะเลือกเป็น Windows 10 หรือรุ่นเก่าแล้วค่อยมากดอัปเกรดเองก็ไม่ใช่ปัญหาครับ แต่สำหรับคนที่ใช้ Windows RT ข่าวร้ายคือจะยังไม่ได้รับการอัปเกรดในตอนนี้ อาจต้องเลื่อนไปเป็นเดือนกันยายน
ข้อมูลจะหายหรือไม่
การอัปเกรด Windows 10 นั้นไม่บังคับสำหรับทุกคนเหมือนกับ iOS และที่สำคัญคือโปรแกรมและไฟล์ของคุณจะยังคงอยู่ เพื่อความปลอดภัยก็ควรจะสำรองเอาไว้ด้วย (เผื่อมีอะไรผิดพลาด) ระยะเวลาการอัปเกรดจะอยู่ราว 20-60 นาที ขึ้นอยู่กับสเปคของเครื่องนั้น
สำหรับการติดตั้งทาง Microsoft อาจแนะนำให้คุณเลือก “ตั้งค่าด่วน” (express settings) แต่ทางเราขอให้คุณเสียเวลาซักนิดเพื่อปรับแต่งเอง (customize) โดยคุณอาจเสียเวลาเพิ่ม 2-3 นาที เพื่อตั้งค่าความเป็นส่วนตัว, พิกัด, เบราว์เซอร์, และอื่น ๆ

คลิกเพื่อดูวิธีการอัพเกรดเป็น Windows 10 จาก Microsoft : http://spr.ly/6186BEva2

อ้างอิง : iPhonemodTheverge

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

มาทำความรู้จักกับซีพียู (CPU) เพื่อการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คคู่ใจ

      สวัสดีครับ สำหรับบทความนี้จะเป็นการแนะนำเกี่ยวกับ ซีพียู ว่ามันทำหน้าที่อะไร หากท่านผู้อ่านคิดจะซื้อ โน๊ตบุ๊ค สักเครื่องหนึ่ง โดยซีพียูนั้น เป็นส่วนประกอบสำคัญอันดับต้นๆ ที่เราควรรู้ไว้สักนิดว่ามันทำหน้าที่อะไร เพราะซีพียูเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพหรือเป็นหัวใจสำคัญของโน๊ตบุ๊ค เลยก็ว่าได้ และที่สำคัญ ในปัจจุบันนี้ ซีพียูนั้นมีหลายเทคโนโลยีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ซีพียูประสิทธิภาพสูง ซีพียูสำหรับการใช้งานทั่วๆไป หรือแม้แต่ ซีพียูแบบประหยัดพลังงาน โดยบทความนี้จะทำให้คุณรู้จักกับเจ้าซีพียูมากขึ้น และช่วยในการตัดสินใจว่าคุณต้องการซีพียูแบบไหน? เพื่อใช้งานในด้านใด จะได้ไม่ผิดจุดประสงค์ความต้องการของท่านผู้อ่านครับ นอกจากนี้ทางทีมงานโน๊ตบุ๊คโฟกัสจะแบ่งหมวดซีพียูให้ท่านผู้อ่านเข้าใจอย่างง่ายๆ ให้อีกด้วย ลองมาดูกันเลยครับ

ซีพียู ทำหน้าที่อะไร?


CPU (Central Processing Unit) คือ หน่วยประมวลผลข้อมูล และส่งคำสั่งไปยังส่วนประกอบต่างๆ โดยพื้นฐานแล้วซีพียูจะเน้นในเรื่องของการประมวลผลข้อมูลเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ผลิตแต่ละค่าย ก็พยายามพัฒนาให้มีความสามารถที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบันซีพียูมีเทคโนโลยีการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร คือมีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพนั้นสูงขึ้น ซึ่งการทำงานของซีพียูนั้น เมื่อท่านผู้อ่านพิมพ์ ตัวอักษรที่คีย์บอร์ด (Input) ก็จะมีการส่งข้อมูลมาที่ซีพียู เพื่อประมวลผลว่าปุ่มที่กดนั้นคืออะไร และซีพียูก็จะส่งข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้วมายังจอภาพ (Output) ให้ท่านผู้อ่านได้เห็นครับ

ทำความรู้จักกับ ซีพียู จาก Intel และ AMD


อย่างที่รู้กันว่าซีพียู ที่ชาวไทยรู้จักดี ก็คงหนีไม่พ้น ซีพียู จากค่าย อินเทล (Intel) ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง และประหยัดพลังงาน โดยจะมีการพัฒนาและปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ ทุกปี และเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา ทางอินเทล ก็มีการปล่อย ซีพียู Intel Core i ออกมาสู่ตลาด ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ดีกว่ารุ่นก่อน แถมยังประหยัดไฟมากกว่าเดิม จึงได้ผลตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี และปี 2011 ก็ได้ปล่อย Generation ที่ 2 ของตระกูล Intel Core i ในชื่อว่า Intel Sandy Bridge โดยมีการพัฒนาในเรื่องของการนำเอา ซีพียู กับ การ์ดจอ (ออนบอร์ด) มาอยู่ในชิ้นเดียวกัน ด้วยการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร และผลที่ได้คือ ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น กว่าออนบอร์ดแบบเดิมๆหลายเท่าตัว อีกทั้งยังช่วยเรื่องของการประหยัดพลังงานอีกด้วย

สำหรับ ซีพียูจาก AMD ถือเป็นคู่แข่งตลอดกาลของ Intel ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ซุ่มพัฒนาซีพียูมาโดยตลอด และก็ได้การตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน แต่อาจจะไม่ต่อเนื่องเหมือนกับทาง Intel ทำให้ผู้ผลิต โน๊ตบุ๊ค เลือกใช้ซีพียูจาก AMD ในบางรุ่นเท่านั้น แต่หากมองเรื่องที่ประสิทธิภาพ ซีพียู AMD ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า Intel แต่อย่างใด แถมในบางรุ่นยังสูสีกันมาก บอกได้ว่าเบียดกันเข้าโค้งเลยทีเดียว แต่จุดเด่นที่เราเห็นได้ชัดนั่นก็คือ ซีพียูจากทาง AMD ยังมีราคาที่ประหยัดกว่าอีกด้วย เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจอย่างง่ายๆ ทางทีมงานของเราจะทำตารางของซีพียูจาก Intel และ AMD โดยจะเลือกรุ่นที่ยังมีขาย และยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบันครับ

ซีพียู ระดับสูง (High-Level CPU)

จุดเด่นของซีพียูระดับนี้คือ เน้นในเรื่องความเร็วในการประมวลผล และประสิทธิภาพการทำงานที่สูงมาก สำหรับใครที่กำลังมากหาโน๊ตบุ๊คที่ใช้ซีพียูระดับสูงอยู่ สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ ความเร็วของซีพียู (ยิ่งมากยิ่งดี) หน่วยความจำของ Cache ยิ่งซีพียูมีหน่วยความจำ แคช มากเท่าไหร่ จะส่งผลให้สามารถเก็บข้อมูลสำรองที่มี่การเรียกใช้บ่อยได้มากขึ้นเท่านั้น สำหรับในส่วนต่อมาคือ FSB (Front Side Bus) คือความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างซีพียูกับชิพเซตซีพียูที่ความเร็วของ FSB สูง จะช่วยให้การทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าความสามารถที่สูงย่อมมากับราคาที่สูงเช่นกัน และอัตราการกินไฟก็สูงตามมาด้วย โดยซีพียูระดับนี้จะเหมาะกับการใช้งานในด้านการประมวลผลที่สูง เช่น เล่นเกมโหดๆ, ตัดต่อ หรือ การทำงานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพของซีพียูระดับสูงนั่นเอง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย ว่าปัจจุบันนี้มีซีพียูระดับ High รุ่นไหนน่าสนใจกันบ้าง
ตารางแสดงรายการของ ซีพียู ระดับสูง (High-Level CPU) ที่น่าสนใจ


ดังรูป จะเห็นได้ว่าซีพียูจาก Intel มาแรงตามคาด แต่ความเร็วของซีพียูจาก AMD จะมีความเร็วสูงที่สุด แน่นอนว่า อันดับ และ คะแนน ที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยครับ

ตัวอย่าง Spec เครื่องซีพียูระดับสูง


ซีพียู ระดับกลาง (Medium-Level CPU)

สำหรับประสิทธิภาพของซีพียูในระดับนี้ จะต่ำลงกว่าระดับบนอยู่พอสมควร สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็ไม่ต่างจากกันเท่าไหร่นัก แต่ราคาถูกลง และมีอัตราการกินไฟอยู่ที่ 30-35 วัตต์ ต่อชั่วโมง เหมาะกับการใช้งานระดับกลางๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมระดับกลางๆ ท่องเว็บไซต์ พิมพ์งานเอกสาร  ก็สามารถทำได้อย่างไหลลื่น ไปดูกันดีกว่าว่าซีพียูในระดับนี่มีรุ่นอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
ตารางแสดงรายการของ ซีพียู ระดับกลาง (Medium-Level CPU) ที่น่าสนใจ


สำหรับซีพียูระดับนี้ AMD มาแซงโค้งเลย ถึงแม้ความเร็วจะไม่ได้สูงสุดแต่คะแนนจากโปรแกรมทั้ง 2 โปรแกรม ได้เป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว

ตัวอย่าง Spec เครื่องซีพียูระดับกลาง


ซีพียู ระดับพื้นฐาน (Basic-Level CPU)

สำหรับซีพียูในระดับนี้ จะเป็นซีพียูสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่สามารถทำงานที่ต้องใช้ซีพียูในการประมวลผลสูงมากได้ เนื่องจากถูกปรับลดระดับ ของ Cache และ FSB เพื่อให้สามารถจำหน่ายในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป อัตราการกินไฟก็ไม่มากนัก แต่ประสิทธิภาพของซีพียูใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย อย่าเข้าใจผิดนะครับ เรื่องของการใช้งานทั่วไปนั้น ทำได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลง พิมพ์งานเอกสาร ท่องอินเทอร์เน็ต ก็ยังสามารถทำได้อยู่ แต่อาจจะไม่เทียบเท่ารุ่นสูงๆเท่านั้นเอง เหมาะกับการใช้งานเบาๆ มากกว่า ไม่เหมาะกับการใช้งานมากนัก สำหรับซีพียูระดับนี้มีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันดีกว่าครับ

ตารางแสดงรายการของ ซีพียู ระดับพื้นฐาน (Basic-Level CPU) ที่น่าสนใจ


สำหรับ ซีพียูระดับนี้ Intel ได้ที่หนึ่งครับ ด้วยหน่วยความจำ Cache มากที่สุด เวลาใช้งานจริงจะทำออกมาได้ดีกว่าอย่างแน่นอน ถึงแม้ความเร็วจะน้อยกว่าก็ตาม

ตัวอย่าง Spec เครื่องซีพียูระดับพื้นฐาน


ซีพียู สำหรับ เน็ตบุ๊ค (Netbook CPU)

สำหรับซีพียูในระดับนี้ จะมีจุดเด่นในเรื่องการกินไฟที่น้อยกว่า ซีพียูรุ่นแรงๆเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว ถึงแม้ความเร็วของซีพียูจะไม่มากนักแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปได้เป็นอย่างดี  อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของซีพียูในระดับนี้ คงไม่สามารถนำไปใช้งานเทียบเท่ากับรุ่นสูงๆ ได้อย่างแน่นอน จึงไม่เหมาะกับการนำไป เล่นเกม หรือการประมวลผลที่สูงมาก แต่จะเหมาะกับการใช้งานเบาๆ เช่น พิมพ์เอกสาร ท่องอินเทอร์เน็ต เล่นเกมบนเว็บไซต์ สามารถ ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไปดูกันดีกว่าครับว่า ซีพีรุ่นเล็กนี้มีรุ่นไหนเด่นๆ ในขณะนี้บ้าง

ตารางแสดงรายการของ ซีพียู สำหรับ เน็ตบุ๊ค (Netbook CPU) ที่น่าสนใจ


สำหรับในรุ่นเล็กนี้ AMD ก็ไล่จี้ Intel มาติดๆเลยครับ ถึงแม้คะแนนที่ได้ออกมาจะแตกต่างกัน เวลาใช้งานจริงๆ ของเน็ตบุ๊ค ก็ไม่ค่อยจะเห็นผลเท่าไหร่นัก (เพราะเน็ตบุ๊ค เน้นเรื่องการพกพาสะดวก)

ตัวอย่าง Spec เครื่องซีพียูสำหรับเน็ตบุ๊ค


ซีพียู ประหยัดพลังงาน (Energy Saving CPU)

ในส่วนของซีพียูในระดับนี้ จะโดดเด่นในเรื่องของการประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ โดยจะมีอัตราการกินไฟไม่เกิน 11 วัตต์ ต่อชั่วโมง บวกลบนิดหน่อย ซึ่งจะมีความเร็วของซีพียูอยู่ที่ 1.20GHz สูงสุดไม่เกิน 2.13GHz และจะพบได้เฉพาะ โน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก หรือ โน๊ตบุ๊คบางเบาเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อนำเสนองาน หรือ ติดต่อลูกค้า ที่จำเป็นต้องใช้ โน๊ตบุ๊ค ประหยัดแบตเตอรี่นั่นเอง สำหรับซีพียูเด่นๆในรุ่นนี้ มีอะไรบ้างไปดูกันครับ

ตารางแสดงรายการของ ซีพียู ประหยัดพลังงาน (Energy Saving CPU) ที่น่าสนใจ


จากรูป จะเห็นว่าคะแนนของ Intel จะดีกว่าค่อนข้างเยอะ ไม่เพียงแค่คะแนนเท่านั้น ในเรื่องของการประหยัดพลังงานแล้ว ทาง Intel ก็ทำได้ดีกว่าอีกด้วย

ตัวอย่าง Spec เครื่องซีพียูประหยัดพลังงาน


สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับบทความการแนะนำซีพียู ทางทีมงานหวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่าน ไม่มากก็น้อยนะครับ โดยคะแนนที่ได้มานั้นเป็นคะแนนที่ได้มาจริง ไม่ได้กำหนดขึ้นมาเองครับ บางท่านที่อ่านแล้วอาจจะงงว่าทำไมบางรุ่น ความเร็วสูงกว่า คะแนนทดสอบดีกว่า แต่ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากเวลาใช้งานจริง ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบและปัจจัยหลายๆอย่างครับ ถึงคะแนนที่ได้จะสูง แต่การใช้งานจริงไม่นิ่งและเนียนพอ คะแนนที่ได้ก็หมดความหมายนั่นเองครับ ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ว่าเลือกซีพียูมาใช้งานได้ถูกตามจุดประสงค์หรือไม่ และซีพียูที่เลือกมานั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งานของท่านอย่างที่ใจต้องการ สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ แฟนๆโน๊ตบุ๊คโฟกัสทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราทุกวัน สำหรับความผิดพลาดประการใดๆ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ


วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เทคนิคง่ายๆ ในการเลือกซื้อ Power Bank ให้โดนใจ ใช้งานได้ดีมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

     หน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นทุกวัน และมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อัพเดทโซเชียลเน็ตเวิร์กกันอยู่แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของใครบางคนอยู่ได้ไม่ครบวัน บางครั้งชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืน แล้วเอาออกไปใช้ได้ถึงแค่ตอนเย็นๆ ยังไม่ทันกลับถึงบ้าน แบตเตอรี่ก็ลดลงถึงขีดแดง หรืออาจถึงขั้นเครื่องดับกันเลยทีเดียว และเพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคุณ ก็ต้องอาศัยตัวช่วยยอดนิยมอย่างแบตเตอรี่สำรอง หรือที่เราเรียกกันอยู่บ่อยๆ ว่า Power Bankเพราะฉะนั้นในวันนี้เรามาดูวิธีเลือกซื้อ Power Bank ดีๆ ไว้ใช้งานกันดีกว่าครับ




    อันดับแรกต้องตรวจสอบสเปคสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณเสียก่อนว่าใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุกี่มิลลิแอมป์(mAh) ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบความจุแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแต่ละรุ่นได้ในส่วนของ แคตตาล็อกมือถือ ในเว็บของเราได้เลยครับ




     เมื่อรู้แล้วว่าแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณมีขนาดความจุเท่าไหร่ ลำดับต่อมาเราจะมาตรวจสอบความสามารถในการจ่ายกระแสไฟของอะแดปเตอร์สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ซึ่งเป็นขั้นตอนที่หลายคนละเลยเมื่อจะเลือกซื้อ Power Bank แล้วเพราะเหตุใดจึงต้องตรวจดูด้วยว่าอะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของเรามีความสามารถในการจ่ายกระแสไฟได้มากน้อยขนาดไหนคำตอบก็คือ เราสามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้ในการเลือกซื้อ Power Bank ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้ในระดับที่เหมาะสม สมมติว่าอะแดปเตอร์ของแท็บเล็ตของคุณ สามารถจ่ายกระแสไฟได้ 2.0A (อะแดปเตอร์ของแท็บเล็ตโดยส่วนใหญ่จ่ายกระแสไฟได้ 2.0A ในขณะที่อะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนโดยส่วนใหญ่จะจ่ายกระแสไฟได้ 1.0Aคุณก็ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้2.0A เท่ากับตัวอะแดปเตอร์ของแท็บเล็ต และถ้าหากคุณเลือกซื้อ Power Bank ที่จ่ายกระแสชาร์จได้เพียง 1.0A ก็จะใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่นานกว่าปกติ ดังนั้น ควรเลือก Power Bank ที่มีอัตราการจ่ายกระแสไฟเทียบเท่ากับตัวอะแดปเตอร์



     หลังจากได้ดูในเรื่องของอัตราการจ่ายกระแสไฟกันไปแล้ว เราก็มาลองดูเรื่องความจุของ Power Bank กันบ้าง ซึ่งเมื่อลองค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับ Power Bank ที่มีวางจำหน่ายกันทั่วไปในปัจจุบัน คุณจะพบว่ามี Power Bank ให้เลือกซื้อมากมายหลายขนาดความจุ หลักการเลือกขนาดความจุที่เหมาะสมคือ ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุเกินค่า เท่าของแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณอยู่เล็กน้อย เช่นถ้าแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของคุณมีความจุ 2,000 mAh ก็ให้นำค่านี้คูณ แล้วบวกขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจจะประมาณคร่าวๆ ได้ว่าควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุประมาณ 5,000-5,500 mAh ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งขนาดความจุนี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ รอบ ส่วนการซื้อ Power Bank ที่ขนาดความจุสูงเกินกว่านี้ แม้ว่าจะชาร์จได้หลายรอบมากกว่า แต่ก็จะตามมาด้วยขนาด Power Bank ที่ใหญ่โตมากกว่า, มีน้ำหนักมากกว่า และมีราคาสูงกว่าด้วยเช่นกัน

คุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีใน Power Bank
- ควรมีสเกลบอกระดับพลังงานคงเหลือ
     การใช้ Power Bank ที่ไม่มีสเกลบอกระดับพลังงานเป็นอะไรที่น่าอึดอัด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีพลังงานเหลืออยู่เท่าไหร่ เมื่อจำเป็นต้องหยิบมาใช้สักทีก็อาจจะปรากฏว่าพลังงานใน Power Bank เองก็หมดไปเสียแล้ว กลายเป็นที่ทับกระดาษไปเสียอย่างนั้น
ควรมีระบบป้องกันไฟลัดวงจร
     Short Circuit Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการจ่ายไฟของ Power Bank โดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดการลัดวงจรขณะชาร์จ ช่วยป้องกันปัญหาไฟลุกไหม้ตัว Power Bank
ควรมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็ม
     Overcharge Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตโดยอัตโนมัติ เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม เพื่อไม่ให้เกิดการชาร์จไฟเกิน ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง และเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
ควรมีระยะเวลาการรับประกันที่ชัดเจน และแบรนด์เป็นที่ยอมรับของตลาด
     ในบ้านเรามี Power Bank ให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อหลายระดับราคา ให้หลีกเลี่ยง Power Bank ที่ไม่มีระยะเวลาการรับประกันสินค้าอย่างชัดเจน เนื่องจากมีโอกาสสูงที่ Power Bank เหล่านั้นจะใช้แบตเตอรี่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถชาร์จได้ครบจำนวนรอบตรงตามสเปค รวมถึงการเลือกซื้อ Power Bank ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในตลาด ย่อมเป็นเครื่องหมายรับประกันได้ว่าจะรองรับการใช้งานไปได้อย่างยาวนาน และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ควรตรวจสอบให้แน่ใจตอนซื้อว่าไม่ใช่ของลอกเลียนแบบ
     ด้วยเทคนิคง่ายๆ ข้างต้นเพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเลือกซื้อ Power Bank ที่มีคุณภาพ และคุ้มค่าคุ้มราคา ตรงกับความต้องการ พร้อมที่จะมาเป็น Power Bank คู่ใจของคุณแล้วครับ

เครดิต thaimobilecenter.com

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของ Power Bank ความจุสูง ราคาถูก ได้ ที่นี่ 

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิธีการติดแท็งค์ Canon MP 258,287

1. ตำแหน่งการเจาะช่องสีแดงจะต้องต่ำกว่าปกติ (ดูตามรูป)


2. วางฐานยางลงไปในช่องที่เจาะ จากนั้นนำปืนกาวยิงโดยรอบของฐานยางทุกสีเพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปได้เพราะหากอากาศเข้าไปได้จะทำให้หมึกพิมพ์ไหลย้อนกลับหรืออาจไม่มีแรงดูด หมึกพิมพ์ขึ้นมาโดยเฉพาะสีแดง ต้องทำการปิดรูเดิมของตลับหมึกพิมพ์ด้วย (ดูตามรูป)


3. หลังจากที่ยิงกาวรอบฐานยางเสร็จแล้ว ให้เสียบสายแพที่มีข้อต่อพร้อมเข็มลงไปตามช่องสี โดยวางสายแพไปทางด้านขวา

4. หลังจากที่วางสายแพไปทางด้านขวาแล้วให้วนสายแพกลับไปทางด้านซ้าย จากนั้นทำการปิดฝาครอบตลับหมึกพิมพ์ลง หลังจากที่ปิดฝาครอบตลับหมึกพิมพ์ลงแล้ว ให้ตรวจสอบดูด้วยว่าช่วงสายแพที่ทำการวนกลับนั้นเกิดการหักงอหรือไม่ โดยการทดสอบขยับซ้ายขวาดูว่าสายแพสามารถขยับได้หรือไม่ ถ้าขยับไม่ได้แสดงว่าสายแพโดนหนีบแน่นจนเกินไปให้ทำการขยับสายแพใหม่อีกครั้งนึง



5. ดันหัวพิมพ์ไปทางขวาจนสุด นำตัวแขวนสายน้ำหมึกหนีบสายไว้ในตำแหน่งกลางเครื่อง (ตำแหน่งตรงกลางของเครื่องภายในช่องด้านบน)


6. สายแพน้ำหมึกหลังจากที่ดันหัวพิมพ์ไปทางด้านขวา






วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

เครื่องทำน้ำอุ่น น้ำร้อนแก๊สขนาด 6 ลิตรยี่ห้อ KD



     รายละเอียดของเครื่องทำน้ำอุ่น: เครื่องทำน้ำอุ่นแก๊ส ยี่ห้อ KD (KangDa) คุณภาพมาตรฐานนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ราคาถูกแต่คุณภาพดีเยี่ยม ลูกค้าสามารถเลือกลวดลายได้ (เฉพาะลายที่มีอยู่) เครื่องทำน้ำอุ่นแก๊ส ยี่ห้อ KD ประหยัดและทนกว่าแบบไฟฟ้าหลายเท่า หมดกังวลเครื่องค่าไฟ และปลอดภัยจากการถูกไฟฟ้าช๊อต อาบน้ำอุ่นได้แม้ไม่มีไฟฟ้า


รายละเอียดของ เครื่องทำน้ำอุ่น KD (KangDa) ขนาด 6 ลิตร

  


1.  ข้อมูลทางเทคนิค

       แรงดันแก๊ส                              2800 PA              ทนความร้อน                           36 MJ/H       
       การควบคุม                              ควบคุมเมื่อเปิดน้ำ       
       การระบายความร้อน                ระบายโดยตรง       
       การจุดสตาร์ตไฟ                     โดยอัตโนมัติจากแรงดันน้ำ       
       แรงดันน้ำ                                 0.02 - 1 MPA       
       อัตราการไหลของน้ำ               6 ลิตร/นาที       
       ทางน้ำเข้า                               ท่อ G 1/2       
       ทางน้ำออก                              ท่อ G 1/2        
       ขนาดเครื่อง                             กว้าง 30 ซ.ม. ยาว 45 ซ.ม. หนา 14 ซ.ม.             
       น้ำหนัก                                     6 ก.ก.       
       สถานที่ผลิต                             ประเทศจีน

   
2. ลักษณะการใช้งาน

      ใช้ทำน้ำอุ่นสำหรับห้องน้ำ เหมาะสำหรับที่อยู่อาศัยทั่วไปในสภาพอากาศหนาว-หนาวจัด พื้นที่สูง บ้านพักบนดอย บ้านพักบนเกาะ สถานที่ที่มีไฟฟ้าไม่เพียงพอ


3. รุ่นทีมีให้เลือก

      KD 6L (ขาวหนา) รุ่นหนาพิเศษ พร้อมจอ LCD แสดงผลอุณหภูมิ

4. ประเภทของแก๊ส

      LPG : LIQUID PETROLEUM GAS (แก๊สหุงต้มที่ใช้ตามบ้าน)


5.ระบบความปลอดภัย

      จุดแก๊สอัตโนมัติเพียงเปิดวาล์วน้ำ และแก๊สจะถูกตัดทันทีเมื่อปิดวาล์วน้ำหรือตัดแก๊สอัตโนมัติเมื่อใช้เกิน 20 นาที ระบบตัดการทำงานของเครื่องอัตโนมัติเมื่อความร้อนเกิน 65 องศา C เพื่อระบบหมุนเวียนอากาศที่ดี


6. จำนวนจุดใช้งาน

      รองรับได้ 1-2 จุด


7. ระบบการปรับอุณหภูมิ

      ปรับความร้อนด้วยปุ่มปรับหน้าเครื่อง 3 ปุ่มปรับ พร้อมจอ LCD แสดงผลอุณหภูมิ



8. คุณสมบัติ


      1.ใช้งานง่าย สะดวก ประหยัด ปลอดภัย น้ำอุ่น - ร้อนสบาย
      2.จุดแก๊สอัตโนมัติเพียงเปิดวาล์วน้ำ และแก๊สจะถูกตัดทันทีเมื่อปิดวาล์วน้ำ
      3.เหมาะสำหรับบ้านที่มีแรงดันน้ำสูง (น้ำแรง) ซึ่งสามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้ตามต้องการ หากบ้านที่มีแรงดันน้ำต่ำ น้ำที่ได้ผ่านเครื่องทำน้ำอุ่นแก๊สนี้จะร้อนเกินไป หรือหากน้ำเบามากเครื่องจะไม่สามารถติดสวิตช์การทำงานได้
      4.ใช้ถ่านไฟฉายก้อนใหญ่ 2 ก้อนเป็นตัวติดสวิตช์
      5.ปุ่มปรับ 3 อัน
           - ปุ่มซ้าย  : ปริมาณแก๊สมาก-น้อย
           - ปุ่มกลาง : แก๊ส 3 แถว (WINTER) หรือ 2 แถว (SUMMER)
           - ปุ่มขวา  : ปริมาณน้ำแรง-เบา
      6.ผ่านการทดสอบคุณภาพ (Q.C.) ทุกเครื่อง
      7.ตัวเครื่องรุ่นหนาพิเศษ ๆ สวยงาม ทนทาน 

9.  วิธีติดตั้ง

      1. นำตัวเครื่องแขวนติดกับผนังห้องน้ำ       2. เดินสายน้ำเข้า-ออก และเดินสายส่งแก๊ส (ตามรูป)
             - สติกเกอร์ สีฟ้า ต่อสายน้ำเข้า
             - สติกเกอร์ สีแดง ต่อสายน้ำออก
             - สติกเกอร์ สีดำ ต่อสายแก๊ส
       3. ก่อนต่อสายแก๊สเข้าตัวเครื่องให้หมุนข้อต่อรับสายแก๊สเข้ากับตัวเครื่องให้แน่นพอควรก่อน แล้วจึงสอดสายแก๊ส จุดนี้หากหมุนไม่แน่น อาจทำให้แก๊สรั่วเข้าตัวเครื่องได้
       4. ให้ใช้หัวปรับแก๊สชนิิดแรงดันต่ำ (GAS REGULATOR LOW PRESSURE) ต่อเข้ากับถังแก๊ส
       5. ใส่ถ่านไฟฉาย 2 ก้อนใหญ่ สำหรับเป็นตัวติดสวิตช์เครื่องทำน้ำอุ่น
       6.
กดสวิตช์เปิดการทำงาน ใช้ได้เลย
             - สติกเกอร์ สีดำ ต่อสายแก๊ส

สนใจสอบถามรายละอียดเพิ่มเติมที่หรือสั่งซื้อได้